วิธีคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ใหม่ ที่ประชาชนต้องรู้

มาดู วิธีคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ใหม่ ที่เราประชาชนทุกท่านจะต้องรู้ หลังจากทางแบงก์ชาติสั่งตรงถึงสถาบันการเงินทั่วประเทศไทย ให้ทำการปรับวิธีคิดดอกเบี้ย-ลดค่าธรรมเนียม โดยวิธีคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ใหม่นั้นมีอะไรบ้าง วันนี้เราไปหาคำตอบกัน
วิธีคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ใหม่ ที่ประชาชนต้องรู้
สำหรับข้อกำหนดสำหรับการคิดดอกเบี้ย-ลดค่าธรรมเนียมใหม่ ออกแบบมาเพื่อที่จะทำให้ช่วยประชาชนในการชำระหนี้ รวมไปจนถึงเพิ่มความเป็นธรรมให้กับลูกค้ามากขึ้น โดยวิธีคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ใหม่นั้นมีอะไรบ้าง โดยปรับเปลี่ยนทั้งหมด 3 เรื่อง ดังนี้
ปรับเปลี่ยนการไถ่ถอนสินเชื่อก่อนกำหนด
โดยจะคิดค่าปรับจากเงินต้นคงเหลือแทนจากเดิมคิดจากเงินต้นทั้งก้อน ดังตัวอย่างดังนี้ หากท่านกู้เงินจากธนาคารมาทำธุรกิจ 15 ล้านบาท กำหนดระยะเวลาชำระคืน 10 ปี เมื่อเราชำระหนี้อย่างสม่ำเสมอ เมื่อผ่านไป 3 ปี เราผ่อนเงินต้นคืนแล้ว 6 ล้านบาท มียอดเงินต้นคงเหลืออีก 9 ล้านบาท แต่เราต้องการปิดหนี้ก่อนครบกำหนดจะทำให้ธนาคารคิดค่าปรับการไถ่ถอนสินเชื่อก่อนกำหนด
- แบบเก่า คือ คำนวณค่าปรับจากยอดเงินกู้ทั้งหมด 15 ล้านบาท สมมุติว่า ดอกเบี้ย 1.5% ต่อปี มีวิธีคิดดังนี้ 15,000,000 x ดอกเบี้ย 1.5% เท่ากับเราจะต้องเสียค่าปรับ 225,000 บาท
- แบบใหม่ คือ แบงก์ชาติสั่งให้ธนาคารคิดค่าปรับจากเงินต้นคงเหลือเท่านั้น ทำให้หากเรามียอดเงินต้นคงเหลือ 9 ล้านบาท จะมีวิธีคิดดังนี้ 7,000,000 x ดอกเบี้ย 1.5 % เท่ากับต้องเสียค่าปรับแค่ 105,000 บาท เท่านั้น
ทำให้เราสามารถลดค่าปรับในการไถ่ถอนสินเชื่อก่อนกำหนดน้อยลงไปได้ถึง 120,000 บาท นอกจากนี้ธนาคารจะต้องกำหนดระยะเวลา ยกเว้นค่าปรับการไถ่ถอนก่อนกำหนดให้กับลูกหนี้ด้วยเช่นกัน อย่างเช่น หากปิดหนี้ก่อนกำหนดหลังจากผ่อนชำระมาแล้ว 3 ปี หรือ 5 ปี ก็ต้องไม่เสียค่าปรับเลย เป็นต้น โดยมาตรการนี้จะใช้ได้กับสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อ SMEs เท่านั้น
ปรับเปลี่ยนดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ใหม่
โดยจะคิดดอกเบี้ยจากเงินต้นงวดที่ผิดนัดชำระ แทนที่คิดจากเงินต้นคงเหลือทั้งหมด ดังเช่นตัวอย่างต่อไปนี้
หากกู้เงินซื้อบ้าน 3 ล้านบาท ผ่อนนาน 30 ปี งวดละ 20,000 บาท โดยมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 6% ต่อปี โดยตลอดเวลาลูกหนี้ชำระหนี้ตรงเวลาทุกเดือน จนถึงงวดที่ 15 เราดันผิดนัดชำระ จ่ายหนี้ล่าช้าไป 30 วัน ซึ่งจำนวนหนี้ 20,000 บาทในงวดที่ 15 นี้ คิดเป็นเงินต้น 3,000 บาท บวกกับดอกเบี้ย 17,000 บาท โดยที่เรายังเหลือยอดเงินต้นทั้งหมดอีก 2.91 ล้านบาท
- แบบเก่า ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยค้างชำระ โดยการคำนวณดอกเบี้ยจากเงินต้นคงเหลือทั้งหมด 2,910,000 x ดอกเบี้ย 6% x 30 (จำนวนวันที่จ่ายล่าช้า) ÷ 365 วัน (1ปี) จะทำให้เราต้องเสียดอกเบี้ยผิดนัด 14,350.68 บาท
- แบบใหม่ เปลี่ยนเป็นการคำนวณดอกเบี้ยจากเงินต้นงวดที่ผิดนัดชำระเท่านั้น นั่นคือเงินต้นงวดที่ 15 มีสูตรคำนวนดังนี้ 3,000 (เงินต้นงวดที่ผิดนัด) x ดอกเบี้ย 6% x 30 (จำนวนวันที่จ่ายล่าช้า) ÷ 365 วัน (1ปี) เท่ากับต้องเสียดอกเบี้ยแค่ 14.79 บาท เท่านั้น โดยมีส่วนต่างกันถึง 1.43 หมื่นบาท
นอกจากนี้ธนาคารยังต้องกำหนดระยะเวลาผ่อนผัน โดยไม่คิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ให้กับลูกหนี้ด้วย เช่น ชำระหนี้ล่าช้าไม่เกิน 3 วัน หรือ 5 วัน ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยในส่วนนี้ เป็นต้น มาตรการนี้ใช้กับสินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อ SMEs เท่านั้น
ปรับเปลี่ยนค่าธรรมเนียมบัตร ATM หรือบัตรเดบิต
โดยจะต้องคืนค่าธรรมเนียมตามสัดส่วนหากลูกค้ายกเลิกบัตร (เดิมไม่คืนหรือคืนเมื่อลูกค้าขอ) ดังเช่นตัวอย่างดังนี้
ปกติประชาชนส่วนใหญ่จะทำการจ่ายค่าธรรมเนียมบัตร ATM หรือบัตรเดบิต รายปีประมาณ 300- 500 บาท
- แบบเก่า หากใช้บัตรไปแค่ 3 เดือน หรือ 90 วัน จากนั้นทำการยกเลิกการใช้ จะเสียค่าธรรมเนียม 500 บาท นั้นไปฟรีๆ หรือต้องแจ้งกับทางธนาคารหากต้องการเงินในส่วนนั้นคืน โดยผู้ใช้บัตรต้องแจ้งกับทางธนาคารด้วยตัวเอง
- แบบใหม่ หากใช้บัตรไปแค่ 3 เดือน หรือ 90 วัน จากนั้นทำการยกเลิกการใช้ ธนาคารจะต้องคืนเงินให้เราตามสัดส่วนทันที โดยคิดจากค่าธรรมเนียมรายปีลบส่วนที่ใช้ไปแล้ว ตัวอย่างเช่น จ่ายค่าธรรมเนียมบัตร ATM ไปแล้ว 300 บาท แล้วเราทำการยกเลิกในเดือนที่ 3 เราจะได้เงินคืนประมาณ 276 บาท เป็นต้น
นอกจากนี้ทางแบงก์ชาติยังห้ามธนาคารคิดค่าธรรมเนียมการออกบัตรใหม่หรือออกรหัสทดแทนอีกด้วย ก่อนจากกันทางเว็บไซต์ moneydever.com ยังมีเรื่องราวอื่นๆอีกมากมายอย่างลืมเข้ามาอ่านกันนะ แล้วพบกันใหม่ครั้งหน้า…